Page 18 -
P. 18
18
ส่วนประเด็นเรื่องรางวัลการขายว่าเป็น
ค่าจ้างหรือไม่นั้น ศาลฎีกาท่านก็วินิจฉัยว่าไม่ได้
เป็นค่าจ้างเช่นกัน เมื่อได้ดูรายละเอียดการจ่าย
รางวัลการขายแล้วก็มีวิธีการคล้ายกับการจ่าย
ค่าคอมมิชชั่นละครับ คือไม่ได้จ่ายให้ทุกยอด
การขาย จะจ่ายให้ก็ต่อเมื่อขายได้ตั้งแต่ 35,001
บาทเป็นต้นไป จึงไม่ขอลงรายละเอียดเรื่องนี้อีก
สรุปค�าวินิจฉัยของศาลฎีกาในคดีนี้ว่า
ค่าคอมมิชชั่นและเงินรางวัลการขายไม่เป็นค่าจ้าง
โจทก์จึงไม่มีหน้าที่น�าเงินส่วนนี้มารวมกับค่าจ้าง
เพื่อเป็นฐานค�านวณเงินสมทบที่ส่งเข้ากองทุน
ประกันสังคม ดังนั้นโจทก์จึงมีสิทธิเรียกเงินสมทบ
คืน พิพากษาแก้เป็นว่าให้เพิกถอนค�าสั่งและ
ค�าวินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์กับให้จ�าเลย
ที่ 1 คืนเงินสมทบเพิ่มเติมจ�านวน 152,646 บาท
แก่โจทก์ หากไม่ช�าระในระยะเวลาที่ก�าหนดตาม
ค�าบังคับของศาลแรงงานกลางให้ช�าระดอกเบี้ย
ในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี เรื่องของค่าคอมมิชชั่นนั้นว่าไปแล้วส่วนใหญ่ที่เห็นจะเป็น
ค่าจ้างครับ เพราะการจ่ายมักจ่ายกันเป็นเปอร์เซ็นต์ต่อหน่วย
การขาย ขายมากได้ค่าคอมฯ มาก ขายได้น้อยก็ได้ค่าคอมฯ น้อย
ตามสัดส่วนกันไป แต่กรณีตามฎีกานี้มีลักษณะและเงื่อนไข
หำฎีกำฉบับ การจ่ายค่าคอมมิชชั่นที่ไม่ได้เป็นอย่างนั้น ดังนั้นค�าวินิจฉัยของ
เต็มมาพิจารณา ศาลก็จะแตกต่างออกไปด้วย
ผมหยิบเอาฎีกานี้มาเพราะมีประเด็นที่น่าศึกษา
เปรียบเทียบกันดูเพื่อ เรียนรู้เผื่อจะเป็ นประโยชน์ องค์กรใดที่มีการจ่าย
หำข้อสรุปของ ค่าคอมมิชชั่นหรือรางวัลการขายในลักษณะนี้ และยังไม่มี
ข้อสรุปว่าการจ่ายนั้นเป็นค่าจ้างหรือไม่เป็นค่าจ้าง ถ้าได้
แต่ละองค์กร ไปหาฎีกาฉบับเต็มมาพิจารณาเปรียบเทียบกันดูเพื่อหา
ข้อสรุปของแต่ละองค์กรเอง ก็จะป้ องกันปัญหาที่อาจมี
ประเด็นขึ้นมาในอนาคตได้ครับ