Page 20 -
P. 20
20 21
เรื่อง KM และอัตราก�าลัง
ในภำครัฐเริ่มพบมำกขึ้น หลำย
กระทรวงหลังจำกมีมำตรกำรไม่รับ
คนมำนำน เริ่มพบปัญหำควำม
แตกต่ำงของช่วงอำยุ
สังคมสูงวัยเริ่มส่งผลกระทบชัดเจนด้านอะไร
บ้างครับ
เรื่องแรกคือ ภาครัฐต้องใช้งบประมาณ
เพิ่มขึ้น เราต้องจ่ายเบี้ยยังชีพเพิ่มขึ้น
เรื่องที่ 4 คือ อัตราภาระพึ่งพิง สมัยก่อนเรื่องภาระพึ่งพิง
เรื่องที่สองคือ เราขาดแคลนแรงงาน จะเป็นของเด็กเสียเยอะ แต่ตอนนี้ภาระพึ่งพิงของผู้สูงวัยเพิ่มขึ้น
ผู้ประกอบการเริ่มหาแรงงานอื่นมาทดแทนหรือใช้ หากมองในแง่ตัวเงินนั้น ต้องเคลียร์ให้ชัดก่อนว่าการจ่ายเงินให้เด็ก
เครื่องจักร หมายความว่าแรงงานผู้สูงอายุอาจไม่ได้ กับจ่ายให้ผู้สูงวัยต่างกันอย่างไร
อยู่ในองค์กรเดิม เพราะคนที่ท�างานมานาน ค่าจ้าง
สูง องค์กรมีทางเลือกในการทดแทน เรื่อง KM และ เนื่องจากเด็กไม่สามารถลงทุนหรือกู้ยืมอะไรได้ ดังนั้นภาครัฐ
อัตราก�าลังในภาครัฐเริ่มพบมากขึ้น หลายกระทรวง จึงพึ่งพิงเรื่องนี้กับครอบครัวของเด็ก ในขณะที่ผู้สูงวัยสามารถดูแล
หลังจากมีมาตรการไม่รับคนมานาน เริ่มพบปัญหา ในส่วนนี้ได้จากการเก็บออมในวัยท�างาน สุดท้ายแล้วหากเทียบ
ความแตกต่างของช่วงอายุ คนที่จะขึ้นระดับเป็น เรื่องภาระพึ่งพิง เด็กอาจจะมีมูลค่าที่สูงกว่าผู้สูงวัย ในขณะที่เด็ก
ผู้อ�านวยการกองอายุน้อยลง ยังเติบโตไปเรื่อย ๆ ส่วนทางด้านผู้สูงวัยจะลดลง
ซึ่งอายุที่น้อยก็สัมพันธ์กับประสบการณ์และ แต่เนื่องด้วยลักณษะของครอบครัวและสังคมไทยปัญหา
องค์ความรู้ที่น้อยด้วย เราต้องยอมรับว่าหน่วยงาน เรื่องภาวะพึ่งพิงจะค่อนข้างไม่กระโดดมาก พ่อแม่มักจะลงทุนกับ
ราชการมีการจัดการองค์ความรู้ไม่ต่อเนื่อง ลูกอย่างเต็มที่ ภาระการพึ่งพิงในวัยเด็กจึงได้จากครอบครัวและรัฐ
เท่าที่ควร อีกทั้งมีการโยกย้ายบ่อย ท�าให้ความรู้ไม่ได้ มีมาตรการที่ชัดเจนในด้านการสนับสนุนทางการศึกษา ในขณะที่
ติดอยู่กับองค์กร แต่ติดไปกับตัวคนมากกว่า จึงอาจ ผู้สูงอายุอาจต้องพึ่งตนเองมากขึ้น ซึ่งความสามารถในการพึ่งตนเอง
ท�าให้การพัฒนาองค์กรขาดช่วง ก็มาจากการออม การลงทุน และเงินสมทบในกองทุนในยามที่ยังมี
ความสามารถ แต่โจทย์ตอนนี้คือเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัว ลูกหลาน
เรื่องที่ 3 คือ ปัญหาการเติบโตของเศรษฐกิจ เองอาจยังเอาตัวไม่รอด การเกื้อกูลจะเริ่มลดลง สัดส่วนผู้สูงวัยที่
จะพบว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจจะลดลง ท�างานจะเพิ่มมากขึ้น การจ่ายเบี้ยยังชีพของภาครัฐเพิ่มขึ้นทุกปี
เนื่องจากผู้สูงวัยไม่ได้ท�างานจึงไม่ต้องจ่ายภาษี จากการที่มีจ�านวนผู้สูงอายุมากขึ้น ตอนนี้ปีหนึ่งอยู่ที่ประมาณ
อีกทั้งมีการใช้สวัสดิการภาครัฐ รวมถึงนโยบาย 60,000-70,000 ล้านบาท และจะเพิ่มมากกว่านี้จากจ�านวนผู้สูงอายุ
กระตุ้นเศรษฐกิจทั้งหลายจึงมักใช้ไม่ได้ผลกับ ที่เพิ่มขึ้นทุกปี ท�าให้ภาครัฐเองต้องคิดถึงระบบความยั่งยืนทาง
ผู้สูงวัย แต่ในขณะเดียวกันอาจเกิดธุรกิจใหม่ ๆ เช่น การเงินการคลังในการช่วยเหลือในรูปแบบนี้
การดูแลผู้สูงวัย ผลิตภัณฑ์ดูแลด้านสุขภาพ เป็นต้น